บ่ายแก่ๆของช่วงหน้าหนาวปี พ.ศ.2539 ณ โรงเรียนชนบทแห่งนึงที่จังหวัดน่าน เป็นเวลา 15:40 น. ที่เด็กชายชนิกนันท์ กุลีกุจอเตรียมรอ Honda Dream คุรุสภาคันเก่งของเค้าที่แต่งเองพ่นสีเอง เพื่อออกจากโรงเรียนให้ไวที่สุด ให้ทันกับสิ่งที่เค้ารอคอยมาทั้งสัปดาห์ นั่นก็คือละครญี่ปุ่นเรื่องนึงทางช่อง 3
Hakusen Nagashi หรือชื่อไทย “อดีตฝันวันวาน” น่าจะเป็นซีรีย์ต่างประเทศที่ทำให้พี่แว่น พี่ชายพี่แว่นและเพื่อนๆในห้องแทบทุกคน ต้องรีบกลับบ้านจากโรงเรียนสา เพื่อไปรอดูหน้าจอตู้ทีวีทางช่อง 3 ให้ทันเวลา 4 โมงเย็นของวันจันทร์-อังคาร ติดแบบติดงอมแงมมากๆครับ
เพลงที่ฟังไปตะกี้นี้เป็นเพลงประกอบของละครเรื่องนี้ ด้วยความเยาว์วัยของพี่แว่นเอง เราก็ไม่รู้ได้หรอกว่าเป็นเพลงของใครหรือว่าใครร้อง เพราะสื่อสมัยนั้นมีแค่ TV และวิทยุเท่านั้นเอง End Credit ที่ขึ้นมาแต่ละตอนก็เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น รับรู้แค่ว่าทำนองมันเพราะดนตรีช่างฟังสบายซะเหลือเกิน ฟังแล้วมันช่างเข้ากับเนื้อหาละครซะเหลือเกิน
เรื่องย่อพอสังเขปนะครับ ทำไมเรื่องนี้ถึงดังมากในช่วงนั้น ก็เพราะว่าตอนนั้นช่อง 3 น่าจะเป็นช่องแรกๆที่เอาละครต่างประเทศมาฉายในบ้านเรา โดยมีรายการหลักในช่วงบ่ายอยู่แล้วนั่นก็คือ “ตำนานรักดอกเหมย” ไอ้เรื่องนี้อ่ะ ตำนานรักดอกเหมยเนี่ย ตอนแรกพี่แว่นก็เข้าใจว่าเป็นชื่อเรื่อง แต่มันไม่ใช่เลยนะ มันเป็นชื่อช่วงนั้นๆ ซึ่งจะมีละครจีนมาสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ซึ่งช่วง “ตำนานรักดอกเหมย” นี้ก็ครองใจแม่บ้านช่วงบ่ายได้อยู่หมัดครับ
“อดีตฝันวันวาน” เลยมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย เพราะในเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของนักเรียนมัธยมปลาย 7 คน เล่าเรื่องราวจังหวะชีวิตที่เปลี่ยนผ่านวันเวลาของวัยรุ่นจนทำงาน ซึ่งทุกอย่างอาจไม่เป็นไปตามฝัน แต่สิ่งที่ทำร่วมกันนั่นหละคือความทรงจำที่ดีที่สุด
เอ่อ…ภาพกลุ่มดาวบนโต๊ะ…..คุณวาดใช่ไหมคะ…….ฉันอยู่ชมรมดูดาวน่ะค่ะก็เลยชอบภาพกลุ่มดาวบนโต๊ะนั้นมาก
ทั้งสองนั่งเรียนที่โต๊ะเดียวกันเป๊ะๆ แต่ต่างกันตรงว่าเรียนกันคนละเวลา วาตารุเองชอบสลักโต๊ะเป็นรูปกลุ่มดาวตามแบบที่เค้าชอบและความฝันที่อยากเป็นนักดาราศาสตร์ ส่วนโซโนโกะเองก็ชอบเรื่องดวงดาวเหมือนกัน นี่หละครับๆ จุดเริ่มต้นของความโรแมนติก ความเป็นเพื่อน ดราม่า สนุกสนาน เฮอา มากันครบรสครับ เพลงประกอบก็เพราะมากๆ มารู้ทีหลังว่าชื่อวง Spitz ชื่อเพลง SORA MO TOBERUHAZU (ไว้บอกตอนท้ายว่ารู้ได้ยังไง)
ละครเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งบันเทิงที่สุดในช่วงมัธยมของพี่แว่นเลยก็ว่าได้ครับ ทุกวันนี้ยังคงคิดถึงและกดดูซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบมากๆ เพราะพี่แว่นมีเป็นไฟล์เก็บไว้ที่คอมตัวเอง เพลงวง Spitz ก็ยังคงฟังและเป็น FC ของวงนี้อย่างแรง
ไอ้บาส มึงทำเพลงหรอช่วงนี้ กูมีเพื่อนชื่อโอ๊ต มันทำงานอยู่ห้องอัด ไว้กูพาไปรู้จัก
ไอ้โหน่ง เพื่อน ม.บูรพา เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบตอนปี พ.ศ. 2544
ครั้งแรกที่ได้คุยกับโอ๊ตซึ่งเป็นเพื่อนของไอ้โหน่ง พี่แว่นเองก็ได้คุยถึงเรื่องราวตอนมัธยมจนพูดไปถึงเรื่อง “อดีตฝันวันวาน” แล้วก็บ่นกับโอ๊ตว่า เพลงประกอบแม่งเพราะมากๆเลย จนถึงทุกวันนี้ยังไม่รู้จักชื่อเพลงเลย
แน่นอนเหมือนซิตคอม โอ๊ตพรั่งพรูออกมาเช่นกันว่าเป็นแฟนตัวยงของวงนี้และละครเรื่องนี้เช่นกัน ที่สำคัญโอ๊ตมี CD และ Single แทบจะทุกอัลบัมของวง Spitz ที่หาซื้อที่ Tower Record ที่สยามบางแผ่นก็ฝากคนรู้จักซื้อจากญี่ปุ่น และแน่นอนครับ พี่แว่นเอ่ยขอแบ่งวง Spitz ไปฟังในรูปแบบไฟล์เพลงบีบอัดหรือที่เค้าเรียกว่า MP3
หลังจากนั้นพี่แว่นเองก็เป็นแฟนเพลงวง Spitz อย่างเต็มตัวครับ มีโอกาสได้ไป Tower Record ที่ญี่ปุ่น ก็ไปกวาดทุกอัลบัมของ Spitz มาไว้กับตัวเองเรียบร้อยดีครับ
“ตอนจบบางทีมันก็ไม่ได้สมหวังตลอดไป“
ก็ตามชื่อหละครับ อดีตฝันวันวาน มันพอเดาตอนจบออกหละ แต่สิ่งนึงที่ทำให้คิดได้นะครับ นั่นก็คือความสำคัญของการเดินทาง ระหว่างทางนั้นสำคัญมากๆ มันจะมีเรื่องราวให้จดจำไม่มากก็น้อยถึงแม้ว่าฉากจบมันจะออกมาเป็นในรูปแบบใดก็ตาม
…แด่ความทรงจำของข้าพเจ้า