กิจกรรมยามพักเที่ยงของแต่ละคนเป็นอะไรกันบ้างครับ พี่แว่นมีเรื่องเล่าที่มิอาจลืมได้เลย กับกิจกรรมยามพักเที่ยงแบบเด็กบ้านนอกแบบพี่แว่น ผ่านมาหลายสิบปียังพอจำได้บ้าง เลยหยิบเอามาเขียนก่อนที่มันจะลางเลือนไปกว่านี้
– ห้องหนึ่งอ่ะ เตะบอลไม่เป็นหรอก –
ใครซักคนนึงหละพูดสบประมาทห้องพี่แว่นไว้ก่อนแข่งขัน
ช่วง ม.4 ของพี่แว่น น่าจะราวๆปี 2539 – 2540 ที๋โรงเรียนสาจะมีกิจกรรมช่วงพักเที่ยงให้มาเล่นกัน โดยจะใช้พื้นที่สนามบอลที่อยู่ระหว่างอาคาร 4 (ที่เห็นข้างหลังภาพ) เป็นเหมือนสแตนเชียร์คนดู นึกสภาพคนดูเต็มหมดทุกที่นั่ง เพราะแต้ละห้องนั้นก็รอที่จะเข้าเรียนในคาบบ่าย
กิจกรรมอย่างแรกก็คือเตะบอล 7 คน ซึ่งจะมีแค่ชั้น ม.4 – ม.6 เท่านั้นที่จะได้แข่ง โดยจะแข่งเจอแค่ชั้นเดียวกัน ม.4 เจอ ม.4 ไม่ข้ามชั้นกัน
ส่วนกิจกรรมที่ 2 คือเต้นเป็นห้อง อันนี้ยากนะต้องเต้นโชว์ 40 คนพร้อมกันให้คนทั้งโรงเรียนดู ผ่านไม่ผ่านก็วันที่สอบนี่หละ โดยชุดเต้นก็จะเชยๆประมาณรูปข้างๆนี่หละครับ ซึ่งห้องพี่แว่นก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ
กลับมาเรื่องฟุตบอล 7 คนกันต่อครับ เป็นปีแรกที่เราจะได้เข้าร่วม ซึ่งแน่นอนว่าห้องคิงอย่างพี่แว่นนั้น มันไม่มีลุ้นอะไรอยู่แล้ว ในรูป 8 คนนั้น เล่นบอลเป็นแค่คนเดียวคือไอ้เอ็ม
ไอ้เอ็มมันเป็นนักฟุตบอลกองกลางยอดเยี่ยมของจังหวัดแพร่ มันย้ายจากแพร่มาเรียนต่อที่น่าน หลังจากนั้นก็ไม่ได้เล่นฟุตบอลอีกเลย แต่การเล่นของมันนั้นเหมาะที่จะเป็นกองกลางตัวแบกครับ
– ซ้อมกันหน่อยมั้ย –
ไอ้เอ็มบอกกับพวกคนที่แข่ง
พี่แว่นและเจษไม่มีปัญหาเรื่องของพละกำลังอยู่แล้ว เพราะส่วนตัวเป็นนักบาสเก็ตบอลของโรงเรียน เล่นทุกวัน สามารถวิ่งชิลๆติดต่อกันได้ยาวๆครับ แต่ก็มีการนัดซ้อมบ้าง ที่โรงเรียนหนองนก เป็นโรงเรียนประถมเล็กๆ ซ้อมส่งบอลให้ตรงก็เพียงพอแล้ว และก็แบ่งตำแหน่งที่ตัวเองถนัดตามรูปนี้ครับ
นัดแรก รอบ 4 ทีม (ม.4/1 vs ม.4/5)
ห้องพี่แว่นใส่เสื้อยืดแกรนสปอร์ต (เหมือนชุดเต้น) ลงสนามด้วยความล๊กลั๊กเต็มระบบ พี่แว่นเองไม่มีรองเท้าสตั๊ด ก็ใส่รองเท้านันยางย้อมสีเหลืองลงสนาม นัดนี้เราไม่มีอะไรจะเสีย ไอ้เอ็มสอนพี่แว่นอย่างเดียวคือถ้าบอลมา ให้เตะเคลียอย่างเดียว รูปเกมไม่เป็นไปตามที่ ม.4/5 คาดหวัง ห้องพี่แว่นเล่นแบบไม่บุกเลย เพราะมันต่อเกมกันไม่ได้ ทุ่มก็ผิดโดนจับจับฟาวล์ทุ่มผิด น่าอายมาก… เล่นผ่านไป 2 ครึ่งหมดเวลาการแข่งขัน เสียงกองเชียร์เริ่มดังตอนเตะจุดโทษ เสียงครูกู้ที่พากย์ก็เร้าใจซะเหลือเกิน ห้องพี่แว่นเตะไม่พลาดเลยซักคน(การเตะจุดโทษบอล 7 คนที่แข่งนี้ ห้ามวิ่งมาเตะ ให้ยืนขานึงเป็นหลักแล้วเตะ)
จบเกม ม.4/1 ชนะจุดโทษ เพราะอีกห้องแม่งยิงตรงตัว GK อย่างเดียวเลย
…แทบทุกลูกไอ้ดิตหลับตาเซฟได้หมด
รอบรองชนะเลิศ (ม.4/1 vs ม.4/6)
รอบนี้จัดได้ว่าตึงมากๆ หลังจากชนะมาได้ในเมื่อสัปดาห์ก่อน ห้องพี่แว่นกลายเป็นทีมรอง ที่เริ่มมีกองเชียร์มากขึ้น และแน่นอนครับแผนการเล่นนั้นยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแอบหวังเล็กๆว่าจะเข้ารอบ
ห้องพี่แว่นโดนนำก่อนเนื่องจากกองหน้ายิงไม่ตรงตัวไอ้ดิต เลยได้ประตูแบบสบายๆ จบครึ่งแรกไป 0-1 ประตู เริ่มครึ่งหลังมา ไอ้เอ็มโชว์เทพเปิดลูกเตะมุมซ้ายมือ โยนโด่งเข้าไปลูกบอลโค้งเข้าประตูที่เสาสองไปอย่างสวยงาม เสมอกัน 1-1 ประตู
ก่อนจบเกมราวๆ 5 นาที ม.4/1 ได้ลูกตั้งแตะเลยจากครึ่งสนามมาเล็กน้อย (อยู่ฝั่งรับของตัวเอง) ไอ้เอ็มเรียกทุกคนไปที่หน้าประตู ยกเว้นไอ้ดิตกับพี่แว่น พี่แว่นเป็นคนเตะลูกตั้งเตะนี้ ไอ้เอ็มส่งสัญญานมือกวักๆ น่าจะแบบให้โยนเข้ามาที่กรอบประตู พี่แว่นถอยห่างจากจุดตั้งเตะ วิ่งโถมเข้าใส่ลูกบอลยี่ห้อ Mikasa บรรจงเตะมั่วๆด้วยรองเท้านันยางย้อมสีเหลือง เสียงดัง “ตุ๊บ” พี่แว่นมองลูกฟุตบอลลอยออกไปโด่งใช้ได้ ลอยไป ลอยไป กำลังจะไปตกตรงกลางกรอบประตู ไอ้เอ็มตั้งใจที่จะไม่เล่นบอลและหันหลบเพื่อให้ลูกบอลนั้นเด้งเข้าไป “ซวบบบบบบ” เสียงลูกบอลกระทุ้งตาข่าย ม.4/1 ขึ้นนำ 2-1 ประตู แน่นอนครับเราดีใจเป็นบ้าเป็นหลังโดยเฉพาะพี่แว่น ผู้ซึ่งไม่เคยเตะบอลเลยแต่สามารถทำประตูได้ในลักษณะแบบนี้
– นี่มันสุดยอดที่สุดเลย –
ห้องคิง เราทำได้ !!
รอบชิงชนะเลิศ (ม.4/1 vs ม.4/2)
ม.4/2 ห้องนี้เข้าชิงไม่ได้ใช้โชคช่วยเหมือนห้องพี่แว่น ห้องนี้เต็มไปด้วยนักฟุตบอลโรงเรียน 3-4 คน ซึ่งนั่นก็มากพอที่จะทำให้ราคาต่อรองของนัดนี้ มีแต่คนรองห้อง 4/1 ของพี่แว่น บรรยากาศของคนดูวันนี้คึกคัก เต็มรอบสนามไปหมด เพื่อนร่วมชั้นก็มาเชียร์กันที่ใต้ต้นไม้ขอบสนาม ส่วนพี่แว่นได้บัฟจากแฟนพี่แว่นในตอนนั้น ก็คือเอาเสื้อแกรนสปอร์ตของเค้ามาใส่เพื่อเพิ่มความมั่นใจตามประสาวัยรุ่นป็อปปี้เลิฟ
เริ่มเกมมาเหมือนเดิม ม.4/2 ทำประตูนำจากการยิงด้วยฝีเท้ากองกลางของโรงเรียนเข้าไปอย่างง่ายดาย 1-0 หมดสิทธิ์เซฟสำหรับไอ้ดิต จนมาถึงครึ่งหลังแผนการเล่นของห้องพี่แว่นเป็นการเล่นแบบโต้กลับ ก็แน่นอนหละ สกิลสู้ไม่ได้เลย แต่มีอยู่จังหวะนึงมีโอกาสสวนกลับน่าจะเป็นไอ้เจษทีไ่ด้บอลมาแล้วทิ่มส่งให้ไอ้เอ็มหลุดเดี่ยวไปตัวๆกับผู้รักษาประตู ภาพที่พี่แว่นมองเห็นยังชัดเจน ไอ้เอ็มเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาแบบปั่นๆ เข้าเสาสองไปสวยชิบหาย เสมอ 1-1
ภาพของเกมนัดที่แล้วมันย้อนกลับมาอีกครั้ง กำลังใจของห้องพี่แว่นมาเต็มเปี่ยมมากๆ ด้วยเสียงเชียร์ที่ดังรอบโรงเรียน รวมไปถึงเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่หลังประตูของห้อง 4/2 ด้วยแล้ว มันช่างเป็นโมเม้นต์ที่ยากจะลืมหรือลางเลือน เราได้ลูกเตะมุมทางซ้าย ไอ้เอ็มคนเดิมจับลูกมาตั้งเตะ ตัวพี่แว่นเองก็ขึ้นมาหวังที่จะโขกเท่ๆ ซะหน่อย แต่มันไม่เป็นแบบนั้นครับ ไอ้เอ็มโยนเข้ามาที่กรอบประตู พี่แว่นดูไม่ทันหรอกว่าบอลอยู่ตรงไหนแล้ว มันอีรุงตุงนัง มะรุมมะตุ้ม วุ่นวายกันพอสมควรในจังหวะนั้น แต่ทันใดนั้น เอ๊ะ! ทำไมลูกฟุตบอลมาลอยอยู่ตรงหน้าพี่แว่นเลยละนั่น (ตัดภาพมาเป็นการ Slow แบบช้าๆนะครับ) พี่แว่นเหยียดขาขวาออกไปเกือบสุด เพื่อที่จะพยายามสัมผัสลูกฟุตบอลให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ เม้าแนบชิดติดกับลูกบอล พร้อมทยานเข้าไปสู่ก้นตาข่าย เสียงเฮที่ดังลั่นรอบทิศ ยังกะมีดาราช่อง 7 มายังไงยังงั้น แม่เจ้านี่เราขึ้นนำ 2-1 หรอเนี่ย นึกอะไรไม่ออกวิ่งดีใจไว้ก่อน วิ่งๆๆๆๆๆ จนลืมตาย แล้วก็อุดๆๆๆๆๆ จนลืมตาย
– จบเกม ม.4/1 แชมป์ฟุตบอล 7 คน –
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ห้องคิงได้แชมป์
มันดีใจจนไม่รู้จะพูดยังไง บรรยากาศมันพาไปแบบสุดๆ นี่หละความบันเทิงในตอนพักเที่ยงช่วงปี พ.ศ.2539 – 2540 ของพี่แว่น มันจะเป็นประมาณนี้ บางคนสงสัยว่าเอ๊ะชุดที่ใส่เสื้อแสนยูไม่ใช่ตอนแข่ง ม.4 หรอ ไม่ใช่ครับ ตอน ม.4 เราใส่เสื้อยืดแกรนสปอร์ตแข่งแต่ไม่มีรูปถ่ายไว้เลย
ตอน ม.5 เรากลับมาแข่งอีกครั้ง พร้อมเสื้อทีมแมนยูอย่างเท่ รองเท้าสตั๊ดครบทุกคน ฝึกฝนฝึกซ้อมมาอย่างดี … ตกรอบแรกไปครับ